วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ช็อกโกแลตก็มีดีต่อสุขภาพเหมือนกันนะ


          ช็อกโกแลตอาหารโปรดของสาว ๆ อาจมีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นเลย และนี่คือข้อดีของช็อกโกแลตต่อสุขภาพของคุณ

       รักษาความอ่อนเยาว์
                ตอนนี้ช็อกโกแลตถือว่าเทียบได้กับถั่วเหลืองและชาเขียวในเรื่องการเป็นอาหารที่อุดมด้วยแอนตี้ออกซิเดนท์ ที่ช่วยร่างกายในการต่อสู้กับความเสียหายที่เกิดจากมลภาวะ ยาฆ่าแมลง การสูบบุหรี่ ความเครียด และอาหารสำเร็จรูป

        เรื่องของหัวใจ
                  แมกนีเซียมที่มีอยู่ในช็อกโกแลตในปริมาณสูง มีประโยชน์ต่อการทำงานของหัวใจและความดันโลหิตสูง ถึงแม้ในทางเทคนิคมันจะเป็นไขมันแบบอิ่มตัว แต่เนื่องจากกรดสเตียริกที่มีในช็อกโกแลตมีคุณภาพดี จะทำให้มันไม่อุดตันเส้นเลือด หรือทำให้เกิดระดับคอเลสเตอรอลสูง

        สู้อาการก่อนมีประจำเดือน
                  ระดับโปรเจสเตอโรนที่ลดลงก่อนมีประจำเดือน ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากเกิดอารมณ์แปรปรวนในช่วงเวลานั้นของเดือน แมกนีเซียมได้พิสูจน์แล้วว่า สามารถเพิ่มระดับโปรเจนเตอโรนในช่วงก่อนมีประจำเดือนที่ช่วยลดปัญหานี้ได้

        คลายเครียด
                  ถ้าคุณเครียด เซโรโทนินสามารถช่วยได้ วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างเซโรโทนินก็คือ การออกกำลัง อย่างไรก็ตาม อาหารที่มีกรดอะมิโนทริปโตฟานสามารถเปลี่ยนเป็นเซโรโทนินในร่างกายได้ เดาซิว่าอะไรที่มีทริปโตฟานมาก ใช่แล้ว ช็อกโกแลตไงล่ะ

        ผิวสวย
                  ช็อกโกแลตทำให้เกิดสิวหรือเปล่า? งานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ที่มหาวิทยาลัยเพนซิเวเนียในสหรัฐฯ ซึ่งให้คนไข้ที่เป็นสิวอักเสบจำนวน 65 คน กินช็อกโกแลตในปริมาณมาก ๆ และพบว่า 46 คนไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในเรื่องสิว 10 คนดีขึ้น และ 9 คนแย่ลง บ่งชี้ว่าช็อกโกแลตไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อการเป็นสิว

        ตื่นตัว
                  ช็อกโกแลตอุดมไปด้วยพลังงานและมีกาเฟอีน จึงสามารถทำให้คุณตื่นตัวได้ในยามที่ต้องการ นอกจากนี้ ถ้าคุณเลือกช็อกโกแลตที่มีกาเฟอีนสูง ๆ มันจะมีน้ำตาลน้อยกว่าและดีกว่าสำหรับคุณ

          บรรเทาอาการไอ
                    นักวิจัยพบว่าสารประกอบที่ชื่อ ธีโอโบรไมน์ ในช็อกโกแลตมีประสิทธิภาพมากกว่ายาโคดีอีนในการกดอาการไอโดยไม่มีผลข้างเคียง อย่างเช่น ง่วงนอน หรือท้องผูก
                                             
                                          

    ดอกคาร์เนชั่น ดอกไม้ที่มีความหมาย..~~


              คุณรู้หรือไม่ว่า ดอกคาร์เนชั่น (Carnation) นั้นเป็นดอกไม้ที่มีถิ่นฐานกำเนิดอยู่ในแถบยุโรปตอนใต้ และในประเทศไทยเรานั้นก็มีการนำเข้าอยู่มากเช่นกัน ซึ่งดอกที่จะนำเข้าในประเทศนั้นส่วนมากนิยมที่จะปลูกเลี้ยงในเรือนกระจกทั้งหมดค่ะ และทำการตัดในส่วนของดอกมาขาย เป็นดอกไม้ที่มาแรงไม่แพ้กับดอกกุหลาบเลยค่ะ ซึ่งถูกจัดอยู่ในประเภทของไม้ดอกล้มลุก ลักษณะของกลีบดอกซ้อนกันจนฟู ขอบกลีบจะมีลักษณะหยักเป็นแฉกๆ มีมากมายหลายสี เช่น สีส้ม สีแดง สีขาว สีเหลือง บางดอกอาจจะมีขลิบสีต่างๆ ตรงขอบดอก ซึ่งบริเวณขอบดอกนั้นจะมีลักษณะคล้ายฟันเลื่อยค่ะ
    ความหมายของดอกคาร์เนชั่น
              ดอกคาร์เนชั่น เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลอง ซึ่งในตำนานความเป็นมาของชาวกรีกโรมันมักจะนิยมในการใช้เจ้าดอกไม้ชนิดนี้ในการแสดงความยินดี ความรื่นเริงต่างๆ ซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละสีค่ะ เรามาดูความหมายจากสีต่างๆ ของดอกกันดีกว่า อยากรู้แล้วใช่ไหมละค่ะ ว่าดอกแต่ละสีนั้นมีความหมายว่าอย่างไรกันบ้าง ถ้าอยากรู้ไปดูกันเลยค่ะ
    สีของดอกคาร์เนชั่น ตามความหมาย
    • ดอกคาร์เนชั่นสีขาว (White Carnation) ซึ่งมักนิยมใช้ในการแสดงความชื่นชมยินดีตามแต่วาระต่างๆ เช่นการรับปริญญา เป็นต้น
    • ดอกคาร์เนชั่นสีเหลือง (Yellow Carnation) เป็นสัญลักษณ์ของความดูถูกเหยียดหยามอย่างมากเลยละค่ะ ถ้าผู้ให้ได้ให้ดอกคาร์เนชั่นสีเหลืองแก่ใครแสดงว่า ผู้ให้นั้นรู้สึกดูหมิ่นเหยียดหยามผู้รับอย่างมากเลยค่ะ ไม่มีใครอยากได้ดอกสีเหลืองแล้วใช่ไหมละค่ะ ไปต่อกันที่ดอกต่อไปเลยค่ะ
    • ดอกคาร์เนชั่นสีแดง (Red Carnation) เป็นมีที่มีความหมายแสดงถึงความอกหัก หัวใจที่แตกสลาย
    • ดอกคาร์เนชั่นลาย มีความหมายถึงการปฏิเสธ นั่นก็คือถ้าอยากบอกปฏิเสธรักใครก็ให้มอบดอกคาร์เนชั่นลายให้กับผู้นั้นค่ะ คล้ายเป็นการบอกปฏิเสธแบบใช้การให้ดอกไม้แทนการตอบปฏิเสธแบบคำพูด แต่ไม่ว่าจะบอกแบบไหนก็ช้ำใจเหมือนกันใช่ไหมละค่ะ อกหักกันมาเยอะแล้วเราไปดูสีของดอกคาร์เนชั่นที่สมหวังกันบ้างดีกว่าค่ะ
    • ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู (Pink Carnation) ถ้าเราต้องการที่จะสารภาพหรือบอกรักใครก็ต้องใช้งานเจ้าดอกคาร์เนชั่นสีชมพูนี้ได้เลยค่ะ เพราะว่ามันคือสีที่เป็นตัวแทนของความรัก รับรองว่าสมหวังแน่นอนค่ะ

    วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

    ประเพณี กวนข้าวทิพย์


              ประเพณีกวนข้าวทิพย์ เป็นพระราชพิธีกระทำในเดือน ๑๐ ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานี ในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่จะจัดในเดือน ๑๒ บางแห่งจะจัดในเดือน ๑ ซึ่งเป็นช่วงที่ข้าวกล้าในท้องนามีรวงข้าว และเครื่องกวนข้าวทิพย์ประกอบด้วยถั่ว นม น้ำตาล น้ำผึ้ง น้ำอ้อย งา เนย น้ำกะทิ และนมที่คั้นจากรวงข้าว

    ความสำคัญ

              ประเพณีกวนข้าวทิพย์เป็นพิธีกรรมของศาสนาพราหมณ์ ที่สอดแทรกในพิธีกรรมทางพุทธศาสนา เพื่อถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ บูชาพระรัตนตรัย และอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย  จังหวัดสิงห์บุรียังคงรักษาประเพณีกวนข้าวทิพย์ โดยมีเหลืออยู่เพียง ๓ หมู่บ้าน คือ หมู่บ้านพัฒนาโภคาภิวัฒน์ หมู่บ้านวัดกุฎีทอง และหมู่บ้านในอำเภอพรหมบุรี ซึ่งยัง คงรักษาประเพณี และมีความเชื่อถืออย่างมั่นคง เป็นแบบอย่างที่ดี แฝงด้วยจริยธรรมและคติธรรมอยู่มาก และมีความพร้อมเพรียงของชาวบ้านที่ทำนา โดยเมื่อถึงเวลาจะมาร่วมกันกวนข้าวทิพย์

    พิธีกรรม

                การจัดพิธีกรรม ยังคงรักษาแบบเดิมไว้ โดยมีพราหมณ์ทำพิธี และมีสาวพรหมจารีซึ่งจะพิถีพิถันคัดเลือกจากหญิงสาวที่ยังไม่มีระดู ด้วยต้องการบริสุทธิ์สำหรับสาวพรหมจารีที่จะเข้าร่วมพิธี ต้องสมาทานศีล ๘ และต้องถือปฏิบัติตามองค์ศีลอย่างมั่นคง


    สาระ
              ข้าวทิพย์เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ป้องกันโรค

    วันมาฆบูชา



    ~~..วันมาฆบูชามีความสำคัญอย่างไร มาดูกันนน..~~ 
              วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง และได้เวียนมาบรรจบอีกครั้ง โดย วันมาฆบูชา 2557 ตรงกับวันศุกร์ ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 วันนี้กระปุกดอทคอม จึงมี ประวัติวันมาฆบูชา ความสำคัญของวันมาฆบูชามีความสำคัญอย่างไร มาฝากค่ะ

    ความหมายของวันมาฆบูชา


              คำว่า "มาฆะ" นั้น เป็นชื่อของเดือน 3 ย่อมาจากคำว่า "มาฆบุรณมี" หมายถึง การบูชาพระในวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะตามปฏิทินของอินเดีย หรือเดือน 3 


    การกำหนดวันมาฆบูชา

              การกำหนดวันมาฆบูชาตามปฏิทินจันทรคติของไทยนั้นจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส คือมีเดือน 8 สองครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 และมักตรงกับเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม

    ความสำคัญวันมาฆบูชาและประวัติวันมาฆบูชา

           ความสำคัญของวันมาฆบูชา คือเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง "โอวาทปาติโมกข์"แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งหลักคำสอนนี้เป็นหลักการ และวิธีการปฏิบัติต่างๆ หากสรุปเป็นใจความสำคัญ จะมีเนื้อหาว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์"

              ทั้งนี้ในวันมาฆบูชาได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อมๆ กันถึง 4 ประการ อันได้แก่

              1.วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์

              2.มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


              3.พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6


              4.พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"

              และเพราะเกิดเหตุอัศจรรย์ 4 ประการข้างต้น ทำให้วันมาฆบูชา เรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งคำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" นี้ มีความหมายตามการแยกศัพท์คือ
    จาตุร แปลว่า 4
    องค์ แปลว่า ส่วน
    สันนิบาต แปลว่า ประชุม
    ดังนั้น "จาตุรงคสันนิบาต" จึงหมายความว่า "การประชุมด้วยองค์ 4" นั่นเอง
    วันมาฆบูชา   ถือว่าเป็น  วันพระธรรม
    วันวิสาขบูชา  ถือว่าเป็น  วันพระพุทธ 
    วันอาสาฬหบูชา ถือว่าเป็น  วันพระสงฆ์ 

    ศิลปินแห่งชาติ

    พิศมัย วิไลศักดิ์

    ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์-นักแสดง)


               นางสาวพิศมัย วิไลศักดิ์ ปัจจุบันอายุ 75 ปี เกิดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2482 ที่ตรอกสุเหร่า บางลำพู กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 วิทยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากร
               นางสาวพิศมัย วิไลศักดิ์ เป็นนักแสดงและครูสอนศิลปะการแสดง เริ่มแสดง ละครเรื่อง ราชาธิราช ขณะนั้นอายุ 10 ปี ต่อมาได้แสดงเป็นนางเอกและพระเอกในละครอีกหลายเรื่อง พ.ศ. 2501 เริ่มแสดงภาพยนตร์เรื่อง การะเกด และมีฉากการแสดงรำฉุยฉายพราหมณ์ เป็นที่กล่าวขานว่ารำได้อ่อนช้อยงดงามและประทับใจผู้ชม ทำให้โด่งดังติดอันดับนางเอกแถวหน้าของเมืองไทยในทันที และครองความนิยมอย่างต่อเนื่องตลอดหลายสิบปี จากภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ การรำฉุยฉาย ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงของไทยเป็นที่เผยแพร่และรู้จักกันอย่างกว้างขวาง ต่อมามีผลงานการแสดงภาพยนตร์อีกกว่า 300 เรื่อง ได้แสดงทุกบทบาทและทุกเรื่องที่แสดงได้รับความนิยมจากผู้ชม จนได้รับฉายาว่าดาราเงินล้านและราชินีจอเงิน และมีผลงานการแสดงละครโทรทัศน์กว่า 200 เรื่อง นอกจากนี้ ยังมีผลงานบันทึกแผ่นเสียงเพลงประกอบภาพยนตร์ เพลงหนาวตัก และร่วมขับร้องเพลงในคอนเสิร์ตต่าง ๆ

              จากผลงานดังกล่าวจึงได้รับรางวัลมากมาย เช่น รางวัลดาราทองพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รางวัลตุ๊กตาทองพระราชทาน ในฐานะนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง ดวงตาสวรรค์ รางวัลสุพรรณหงส์ทองคำพระราชทาน ในฐานะนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง ไร้เสน่หา รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ในฐานะนักแสดงประกอบหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง เงินเงินเงิน รางวัลเมขลา ในฐานะผู้แสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง ปีกมาร รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ในฐานะผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น จากละครเรื่อง การะเกด รางวัลสุพรรณหงส์เกียรติยศ ในฐานะบุคคลเกียรติยศ ที่อุทิศตนให้กับวงการกภาพยนตร์ไทยและสังคมอย่างสม่ำเสมอ 


    รางวัลและเกียรติคุณที่ได้รับ
    • พ.ศ. 2506 ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองพระราชทาน ในฐานะนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ครั้งที่ 6 จากภาพยนตร์เรื่อง ดวงตาสวรรค์
    • พ.ศ. 2510 ได้รับรางวัลพระราชทาน จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รางวัลดาราทอง โดยผู้ที่ได้รับพระราชทานจะต้องมีคุณสมบัติครบทั้ง 4 ประการ คือ ศรัทธา หน้าที่ น้ำใจ ไมตรี
    • พ.ศ. 2521 ได้รับรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำพระราชทาน ในฐานะนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ครั้งที่ 1 จากภาพยนตร์เรื่อง ไร้เสน่หา และรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ในฐานะนักแสดงประกอบหญิงยอดเยี่ยม ครั้งที่ 7 จากภาพยนตร์เรื่อง เงินเงินเงิน
    • พ.ศ. 2539 ได้รับรางวัลเมขลา ในฐานะผู้แสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากละคร เรื่อง ปีกมาร
    • พ.ศ. 2540 ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ในฐานะผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น จากละครเรื่อง การะเกด
    • พ.ศ. 2542 ได้รับรางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี ในฐานะนักแสดงประกอบหญิงยอดเยี่ยม ครั้งที่ 20 จากภาพยนตร์เรื่อง กำแพง
    • พ.ศ. 2543 ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ในฐานะผู้แสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากละครเรื่องไม้เมือง
    • พ.ศ. 2546 ได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำเกียรติยศ คนทีวี ในฐานะบุคคลตัวอย่างและอุทิศตนให้กับวงการโทรทัศน์ เป็นบุคคลหนึ่งในจำนวนหลายคนที่เป็นแรงสำคัญในการพัฒนาให้กับงานของโทรทัศน์อย่างเต็มความสามารถ
    • พ.ศ. 2550 ได้รับรางวัลสุพรรณหงส์เกียรติยศ ในฐานะบุคคลเกียรติยศ ที่อุทิศตนให้กับวงการภาพยนตร์ไทยและสังคมอย่างสม่ำเสมอ บุคคลในวงการให้การยอมรับและมีจิตวิญญาณรักวงการบันเทิง
            นางสาวพิศมัย วิไลศักดิ์ เปรียบเสมือนต้นแบบ เป็นครู เป็นบุคลากรที่เคารพ ของคนในวงการบันเทิง ยังเป็นดาราที่ผู้จัดละครต่างติดต่อให้มาร่วมงานด้วยมากที่สุดคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นศิลปินอาวุโสที่ให้ความเมตตาชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่ดารารุ่นหลัง จึงเป็นที่เคารพรักใคร่ของบรรดาศิลปินรุ่นน้องและรุ่นลูกหลานทั้งหลาย ที่สำคัญคือเป็นดาราผู้มีภาพพจน์ดีงาม เป็นที่ชื่นชมของแฟน ๆ ภาพยนตร์และละครทั่วประเทศทุกเพศทุกวัยมาเป็นเวลายาวนาน นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ที่ใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง นับเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักแสดงอื่น ๆ และประชาชนทั่วไปอีกด้วย

    คำขวัญวันเด็ก 2557

    คำขวัญวันเด็ก 2557
    กตัญญู รู้หน้าที่ เป็นเด็กดี มีวินัย สร้างไทยให้มั่นคง 



              วันเด็กแห่งชาติ มีต้นกำเนิดมาจากการที่องค์การสหประชาชาติทั่วโลกเกิดความตื่นตัว และเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะให้ความสำคัญแก่เด็ก ๆ โดยในปี พ.ศ. 2498 นายวี เอ็ม กุล ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิการเด็กระหว่างประเทศ ได้เป็นผู้เสนอต่อกรมประชาสงเคราะห์ ให้มีการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญ และความต้องการของเด็ก รวมถึงเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ
              อย่างไรก็ตาม งานวันเด็กแห่งชาติครั้งแรกของประเทศไทย จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2498 จากนั้นเป็นต้นมา ราชการได้กำหนดวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นวันเด็กแห่งชาติ โดยจัดต่อเนื่องกันมาจนถึงปี 2506 ที่ประชุมคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติในปีนั้น ได้มีความเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรที่จะเสนอเปลี่ยนวันจัดงานวันเด็กแห่งชาติเสียใหม่ ด้วยเหตุผลว่า เดือนตุลาคมสำหรับประเทศไทย เป็นเดือนที่ยังอยู่ในฤดูฝน มีฝนตกมาก เด็ก ๆ ไม่สะดวกในการเดินทางมาร่วมงาน นอกจากนี้วันจันทร์เป็นวันปฏิบัติงานของผู้ปกครอง จึงไม่สามารถพาเด็กของตนไปร่วมงานได้
             ด้วยเหตุนี้ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบ ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2507 ว่า ควรจะเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม ที่มีความเหมาะสมและสะดวกมากกว่า ตามที่คณะกรรมการจัดงานวัดเด็กแห่งชาติเสนอมา ส่งผลให้ในปี 2507 ไม่มีงานวันเด็กแห่งชาติด้วยการประกาศเปลี่ยนได้เลยวันมาแล้ว งานวันเด็กแห่งชาติจึงเริ่มจัดขึ้นใหม่อีกครั้งในปี 2508 เรื่อยมาถึงปัจจุบัน

    วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557

    หน้าที่ของ Panels ต่าง ๆ ในโปรแกรม Adobe After Effect CS6


    หมายเลข 1 คือ Tools Bar แทบเครื่องมือที่สำคัญที่จะต้องใช้ประกอบการทำงาน ในการเคลื่อนย้ายวัตถุ หมวด Pain การใส่ตัวอักษร
    หมายเลข 2 คือ Project สำหรับบรรจุไฟล์วัตถุดิบที่จะใช้ในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ภาพนิ่ง ภาพยนตร์ เสียง หรือแม้แต่ไฟล์งานของเราจะถูกเรียกเก็บมาไว้ในหน้าต่างนี้ก่อนที่จะถูกนำไปใช้งานในหน้าต่างพื้นที่ทำงานหลัก (Composition) ต่อไป
    หมายเลข 3 คือ Composition หน้าต่างพื้นที่ทำงานหลักหรือเรียกอีกอย่างว่าหน้าต่าง Composition พื้นที่ส่วนนี้ทำหน้าที่เปรียบเสมือนพื้นที่โต๊ะทำงานของเรา
    หมายเลข 4 คือ Timelineสำหรับจัดการงานด้าน Animation ให้กับภาพต่างๆ ที่ถูกนำมาทำงานในพื้นที่ทำงานหลัก โดยภาพต่างๆ ที่ถูกนำมาทำงานในพื้นที่ทำงานหลักจะแสดงในหน้าต่างนี้ในรูปของ Layer (ภาพวางซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ เรียกแต่ละชั้นภาพว่า Layer)
    หมายเลข 5 คือ Effect & Presets สำหรับบรรจุคำสั่งสร้าง Effect หรืองานสำเร็จรูปแบบต่างๆ
    หมายเลข 6 คือ Time Controls สำหรับควบคุมการเล่น Animation